เว็บไซต์เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอย่ามากบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเว็บไซต์เป็นสื่อที่อยู่ในความควบคุมของผู้ใช้โดยสมบูรณ์ กล่าวคือ ผู้ใช้สามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะดูเว็บไซต์ใดและจะไม่เลือกดูเว็บไซต์ใด ได้ตามต้องการ จึงทำให้ผู้ใช้ไม่มีความอดทนต่ออุปสรรคและปัญหาที่เกิดจากการออกแบบเว็บไซต์ผิดพลาดถ้าผู้ใช้เห็นว่าเว็บที่กำลังดูอยู่นั้นไม่มีประโยชน์ต่อตัวเขา หรือไม่เข้าใจว่าเว็บไซต์นี้จะใช้งานอย่างไร เขาก็สามารถที่จะเปลี่ยนไปดูเว็บไซต์อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากในปัจจุบันมีเว็บไซต์อยู่มากมาย และยังมีเว็บไซด์ที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ทุกวัน ผู้ใช้จึงมีทางเลือกมากขึ้น และสามารถเปรียบเทียบคุณภาพของเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้เอง และต้องรู้จักวิธีทำให้เว็บที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งบนโลกออนไลน์ ที่เรียกว่า SEO (Search Engine Optimization) ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปติดอันดับต้นๆ ใน Search Engine อย่าง Google หรือ Bing เพื่อทำให้จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณเพิ่มขึ้นท่วมท้น เพราะในปัจจุบันผู้คนที่ค้นหาใน Google จะเลือกเข้า เว็บที่อยู่ลำดับแรกๆ เสมอ ก่อนตัดสินใจเลือกต่ำลงมาตามลำดับ ดังนั้น วันนี้ผมจะมาพูดถึงเทคโนโลยีที่ ใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์ ปัจจุบันการที่จะมีเว็บไซต์ สักหนึ่งเว็บอาจะไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน แต่การเลือกที่จะพัฒนาเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับงานของเรา เราพิจารณาอย่างไรบ้าง
ปัจจัยที่เป็นตัวตัดสินใจ
- งบประมาณ
- เวลา ในการพัฒนา
- การทำงานที่ถูกต้อง
- ความปลอดภัย
- การดูแลต่อยอด
จากที่กล่าวมา จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของคุณ เพราะปัจจุบันหลายคนจะชอบพูดว่าไม่อยากใช้เว็บสำเร็จรูป เพราะจะเหมือนคนอื่นๆ อันนี้คือความเข้าใจที่ผิดๆ นะครับเพราะว่าเว็บสำเร็จรูป จะต้องเหมือนกันหมด เว็บสำเร็จรูป สามารถพัฒนาต่อยอดได้อิสระเช่นกัน อยู่ที่ความสามารถของนักพัฒนา ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ ตัว เว็บสำเร็จรูป CMS เช่น Jommla WordPress Drupal เป็นต้น ระบบเหล่านี้ เหมือนเป็นระบบปฏิบัติการ windows ที่เราใช้ในคอมพิวเตอร์ทั่วไป และจะมีส่วนเสริม หรือ Plugin ที่เปรียบเสมือนโปรแกรม ที่เราติดตั้งลงไป เราต้องการใช้งานแบบไหน เราก็ติดตั้งโปรแกรมให้ตรงกับที่เราต้องการ เราจำเป็นต้องพัฒนาโปรแกรมเฉพาะของเราก็เองได้ดังนั้น เว็บสำเร็จรูปก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป ถ้าเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ซับซ้อนขึ้น แต่ข้อดีคือระบบที่เป็นสากลจะง่ายต่อการที่หาคนมาพัฒนาต่อ และจะมีการอัพเดตระบบเรื่อยๆ เพื่อป้องกันความปลอดภัย การพัฒนาโดยใช้ เว็บสำเร็จรูป ก็อาจะต้องแลกมากับ สเปก Hosting ที่สูงกว่าการพัฒนาระบบเอง เพราะว่าจะมีไฟล์ที่เยอะและใช้ใช้งานทรัพยากรณ์ Hosting ที่ค่อนค้างสูงกว่าการพัฒนาระบบเอง ค่าเช่า Hosting รายปีอาจะสูง แต่ราคาในการพัฒนาไม่สูงมาก และใช้เวลาไม่เยอะก็สามารถใช้งานได้
ถ้าไม่ใช้เว็บสำเร็จรูป พัฒนาเองได้ไหม คำตอบของนักพัฒนาคือ”ได้” เราเริ่มพัฒนาตั้งแต่ระบบหลังบ้านที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะงานใช้ได้ตามที่เราต้องการทั้งหมดแต่ก็จะแลกมาด้วยเวลา และ ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ใช้คนจำนวนเยอะขึ้น และ มีโอกาสที่จะไม่สำเร็จสูง จากที่เคยเห็น และข้อเสียคือจะไม่เป็นระบบสากล เมื่อพนักงานลาออก จะหาคนมาทำต่อยาก ง่ายต่อการแฮกข้อมูล “ถ้าเว็บดัง” เพราะระบบที่เขียนเองส่วนใหญ่ก็จะไม่อัพเดต ทิ้งไว้นิ่งๆ แต่ระบบที่พัฒนาเองอาจจะทำงานได้เร็วกว่า ระบบที่พัฒนาด้วยเว็บสำเร็จรูป เพราะด้วยปัจจัยต่างๆในด้าน ภาษาที่ใช้พัฒนาระบบพัฒนาเองส่วนใหญ่จะใช้ ภาษา Js หรือ ภาษาอื่นๆ ที่นักพัฒนาเลือกใช้ ก็จะทำให้มีข้อดีคือเราเลือกได้และ ระบบสามารถทำงานได้ไวกว่าระบบสำเร็จรูป เพราะระบบสำเร็จรูปส่วนใหญ่จะใช้ PHP เป็นตัวพัฒนาหลัก และเป็นระบบที่เป็นสากล คือจะทำออกมากลางๆ ให้นักพัฒนาต่างๆสามารถพัฒนาต่อได้ และมีไฟล์ค่อนข้างเยอะ ทำให้ค่อนข้างตัวใหญ่ และด้วยหลักการทำงานด้านภาษาที่พัฒนาเองเราจะเลือกได้ เช่นเราพัฒนาด้วยภาษา Js สามารถทำงานได้ไวกว่าภาษา PHP และใช้ ทรัพยากรณ์ Hosting ที่ไม่ต้องสูงมากก็สามารถใช้งานได้เหมือนกัน เป็นต้น แต่ก็แลกมาด้วยราคาในการพัฒนาสูงและเวลานาน
สรุป
ทั้งสองแบบนี้ผมจะไม่พูดว่าแบบไหนดีกว่าอันกันเอาที่เราถนัดที่จะพัฒนา ไม่มีระบบไหนดีที่สุด แค่ต้องเลือกให้เหมาะสมที่สุด ยกตัวอย่าง เช่น มี บริษัทสองแห่ง พัฒนาระบบ แต่ทีหนึ่งต้องการพัฒนาระบบเอง ใช้เวลาพัฒนา 1 ปียังไม่เสร็จจ่ายเงินหลายล้านบาทจ้างพนักงานพัฒนาระบบ อีกบริษัทหนึ่งจ้างทีมพัฒนาระบบสำเร็จรูปและต่อยอดให้ตรงกับความต้องการ พัฒนาเสร็จ ในเวลาไม่นาน และลองใช้เว็บสินค้าขายได้กำไร หลายล้านบาท ไปแล้ว “ต้นทุนที่แพงที่สุดคือต้นทุนเวลาในการแข่งขันตลาด” ทุกวันนี้หลายๆอย่างดังและดับไปในช่วงเวลาไม่นาน 😀
